"สมาคมรถเช่าไทยพยายามผลักดันเรื่องการขับข้ามประเทศให้กับภาครัฐ เนื่องจากอนาคตธุรกิจการท่องเที่ยว หรือการสัญจรไปมายังประเทศต่างๆจะเกิดขึ้น และเราต้องการอำนวยความสะดวกในการเดินทางไปยังจุดต่างๆให้มากที่สุด เพราะหากทำได้ก็จะเป็นการนำเม็ดเงินไหลเข้ามาในประเทศ แต่ปัจจุบันเรายังไม่มีแนวทางหรือมาตรการในการจะเอื้อให้สามารถขับรถเช่า เข้าไปยังประเทศต่างๆได้อย่างชัดเจน"
นายนที กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากแนวทางที่ชัดเจนเกี่ยวกับเออีซีแล้ว ยังมีอีกหนึ่งส่วนที่พยายามผลักดันก็คือพ.ร.บ.สภาธุรกิจรถยนต์เช่า ที่ได้นำเสนอให้กับภาครัฐมาตลอด1-2ปีที่ผ่านมา ซึ่งหากสำเร็จก็จะเป็นการจัดระเบียบรถเช่าที่มีอยู่ให้มีความถูกต้อง และเป็นการป้องกันการก่ออาชญากรรมในรูปแบบต่างๆ
"ตลาดรถเช่ามันโตขึ้นเรื่อยๆและอนาคตก็จะมีเออีซีแต่เรายังไม่มีกฎหมายควบ คุมจำนวนรถเช่า ซึ่งในฐานะที่เป็นนายกสมาคมมองว่ากฎดังกล่าวจะช่วยให้ธุรกิจรถเช่ามีความ โปร่งใส และรู้ที่มาที่ไปของรถแต่ละคันว่ามาจากไหน เสียภาษีถูกต้องหรือไม่ มีการรับประกัน รวมไปถึงป้องกันอาชญากรรม เพราะที่ผ่านมารถเช่าถูกเช่าไปทำในสิ่งที่ผิดหลายครั้ง"
ปัจจุบันตลาดรถเช่าในประเทศไทยคิดเป็นมูลค่าตลาดกว่าหมื่นล้าน และมีจำนวนรถเช่ามากกว่า 1 แสนคัน โดยกว่าครึ่งหนึ่งเป็นรถเช่าที่มาจากบริษัทใหญ่ๆและอีกครึ่งหนึ่งก็มาจากรถเช่าจากผู้ประกอบการทั่วไปที่กระจายอยู่ตามจังหวัดต่างๆ และเมื่อแบ่งสัดส่วนของตลาดรถเช่าจะพบว่าตลาดรถเช่าระยะสั้นประมาณ 60% และระยะยาว 40% ซึ่งแนวโน้มของตลาดระยะสั้นจะได้รับอานิสงส์จากการขยายตัวของการท่องเที่ยว ประกอบกับกระแสของการเปิดเออีซีก็เป็นแรงหนุนให้ตลาดดังกล่าวเติบโต
ขณะที่ภาพรวมของตลาดรถเช่าในปี 2556 มีแนวโน้มเติบโต 8-10% เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่เติบโตประมาณ 5-7% โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากเศรษฐกิจในประเทศที่ดี - การท่องเที่ยวที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่คาดว่าจะกระทบกับภาคธุรกิจนี้ ก็ขึ้นอยู่กับภาพเศรษฐกิจ-การเมือง หรือภัยธรรมชาติ
"ในช่วงครึ่งปีแรกตั้งแต่เดือนเมษายนไปจนถึงเดือนตุลาคมนี้ สมาคมรถเช่าไทยได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในการสนับสนุนแคมเปญ โครงการขับรถเที่ยวให้สนุก แวะเติมความสุขให้ทั่วไทย ปี 2556 ขึ้นเหนือ ล่องใต้ ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ โดยมีการนำเสนอเป็นแพ็กเกจพิเศษโรงแรมที่พัก-รถเช่าในจังหวัดใหญ่เช่น เชียงใหม่-ภูเก็ต และกระบี่"
นายนที กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านการดำเนินงานของบริษัทแจแปน เร้นท์ฯ ซึ่งเป็นการให้บริการรถเช่าระยะยาวนั้น ในปีนี้จะมีการลงทุนด้านรถใหม่อีก 10% จากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 1 พันคัน ซึ่งในส่วนนี้จะเพิ่มสัดส่วนของรถที่เป็นพลังงานทางเลือกมากขึ้นเป็น 30% จากเดิมที่มีอยู่ประมาณ 10-20% นอกจากนั้นแล้วจะเพิ่มจำนวนพนักงานคนขับรถ และในช่วงกรกฎาคม-สิหาคมก็จะมีการพัฒนาและมีโครงการใหม่ๆเกิดขึ้น
"บริษัทของเรามีจุดเด่นคือให้บริการทั้งรถและคนขับ ดังนั้นจึงต้องมีการอบรม-เรียนรู้การขับขี่ให้มีมาตรฐานสูงสุด และในปีนี้เราก็จะเพิ่มจำนวนคนขับให้มากขึ้น เนื่องจากได้รับการตอบรับที่ดี ส่วนแนวทางการตลาดอื่นๆนั้น เราจะเน้นการบอกต่อ ปากต่อปากของลูกค้า และจะไม่เน้นกลยุทธ์ทางด้านราคามาแข่งขัน"
นายนที วรรธนะโกวินท์ นายกสมาคมรถเช่าไทย และกรรมการผู้จัดการบริษัทแจแปน เร้นท์ ประเทศไทย จำกัด(มหาชน) เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ในปี 2558 ที่จะมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC (Asean Economic Community)ซึ่งผู้ประกอบการในธุรกิจรถเช่าหลายแห่งมีการตื่นตัวและเตรียมแผน งานรองรับ ดังจะเห็นจากการเข้าไปขยายสาขาตามหัวเมืองใหญ่ๆทั่วทุกภาค อย่างไรก็ตามแม้ผู้ประกอบการจะมีการตื่นตัวแต่ในส่วนของรัฐยังไม่มีมาตรการ ออกมารองรับ กล่าวคือมาตรการที่สามารถขับรถเช่าข้ามประเทศในกลุ่มเออีซี
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,822
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 2 มีนาคม พ.ศ. 2556
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ - 2 มีนาคม พ.ศ. 2556
สนใจ รถเช่า, เช่ารถ, เช่ารถ กรุงเทพ, Car rent, Car rental
ติดต่อที่บริษัท ควอลิตี้ เรนท์ อะ คาร์ จำกัด
เลขที่ 26/58 ถนนนางลิ้นจี่ แขวงทุ่งมหาเมฆ
เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120
เขตสาทร กรุงเทพฯ 10120
โทรศัพท์: 02 6789 888
แฟกซ์: 02 6789 887
อีเมลล์: reservation@qualityrentacar.com
เว็บไซต์:
http://www.qualityrentacar.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น