สมาคมรถเช่าไทย ผุดมาตรการรับมือการทุจริตและโจรกรรมรถเช่า ประสานหน่วยงานรัฐบาล เน้นติดตามเอาผิดผู้กระทำอย่างจริงจัง
นายนที วรรธนะโกวินท์
อุปนายกและที่ปรึกษาสมาคมรถเช่าไทย กล่าวว่า
“ปัจจุบันสมาคมรถเช่าไทยมีสมาชิกอยู่ประมาณ 40 ราย
ซึ่งนับว่ามีอัตราส่วนการให้บริการด้านธุรกิจรถเช่า
ที่เกี่ยวกับรถยนต์และรถตู้มีส่วนแบ่งการตลาดทั่วประเทศรวมๆ ประมาณ 30 %
ถือว่าเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นประมาณ 15% เมื่อเทียบจาก 1-2 ปีก่อน
โดยช่วงหลังค่อนข้างมีข่าวเกี่ยวกับอาชญากรรมเกี่ยวกับรถเช่ามากขึ้น
ดังนั้น ในฐานะของสมาคมรถเช่าไทย จึงได้มีการพูดคุยกันในคณะกรรมการสมาคม
และเตรียมหามาตรการต่างๆ ในการป้องกัน ดังนี้ คือ
แลกเปลี่ยนข้อมูลของลูกค้าที่มีแนวโน้มกระทำทุจริต ฉ้อโกง ในระหว่างสมาชิก,
ร่วมมือกับทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล
ในการสกัดจับผู้กระทำความผิดได้รวดเร็วขึ้นมาก,
จัดสัมนาในระหว่างสมาชิกเพื่อแนะนำ ป้องกัน การฉ้อโกง ของแก๊งมิจฉาชีพ
และจัดทีมทนายความ ในการติดตาม ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดอย่างต่อเนื่อง
และจริงจัง”
สำหรับตลาดรถเช่าของประเทศไทยในช่วงปีที่ผ่าน
มา สมาคมรถเช่าไทย ได้มีการประชุมร่วมกันกับสมาชิกอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี
ซึ่งจากที่รวบรวมข้อมูลมา
ธุรกิจรถเช่าโดยรวมทั้งรถเช่าประเภทรถยนต์ส่วนบุคคลและรถตู้
น่าจะมีอัตราการเติบโตที่ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนๆ
ที่มีมูลค่าทางการตลาดประมาณ 1.6-1.8 หมื่นล้านบาทต่อปี
ส่วนการขยายตัวของมูลค่าสินทรัพย์รวมในตลาดรถเช่า ประเภทรถตู้และรถยนต์
น่าจะมีอัตราเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 5-10
จากปีก่อนที่คาดว่าจะมีรถเช่าที่ให้บริการทั่วประเทศประมาณ 150,000 คัน
ที่มีมูลค่าสินทรัพย์ทางธุรกิจโดยรวมประมาณ 1.5 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ปีที่ผ่านมาทางสมาคมรถเช่าไทย
พยายามที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมให้กับผู้ประกอบการรถเช่า ทั้งที่เป็นสมาชิก
และยังไม่ได้เป็นสมาชิก
มีการพัฒนารูปแบบการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ทั้งในแง่การจัดกิจกรรมด้านการอบรมให้ความรู้
และกิจกรรมที่จะมีส่วนร่วมสร้างกลุ่มพลังทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
โดยได้มีการจัดกิจกรรมต่างๆ
เพื่อให้ความรู้กับผู้ประกอบการธุรกิจรถเช่าที่เป็นสมาชิก อาทิ
การสัมมนาเรื่อง การตรวจเครดิต บูโร หรือ มีแบล็กลิส (Black List)
ในระหว่างสมาชิกด้วยกัน เป็นต้น
โดยแนวโน้มการเติบโตธุรกิจรถเช่าในประเทศไทย
ในปีนี้ มีแนวโน้มว่านักท่องเที่ยวจะลดลงเพราะปัญหาวิกฤติทางภัยธรรมชาติ
ในประเทศต่างๆ ทำให้นักท่องเที่ยวชะลอการเดินทางมาประเทศไทย
และปัญหาการชุมนุมต่างๆ ในกรุงเทพ และต่างจังหวัด
รวมทั้งการก่อความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งยังคงมีอยู่อย่างต่อ
เนื่อง แต่เนื่องจากผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ รวมทั้งทางภาครัฐเอง
ก็มีแนวโน้มสูงมากขึ้นในการเปลี่ยน นโยบายจากการซื้อรถเอง
แต่หันมาใช้การเช่าแทนเพราะต้องการเพิ่มประสิทธิภาพ ในการใช้ยานพาหนะ ลด-ความเสี่ยงในการเป็นเจ้าของรถเอง
ทั้งด้านการสูญหายหรือซ่อมบำรุง
ดังนั้นถ้าหากจะหักส่วนที่หายไปจากนักท่องเที่ยวแต่มาเพิ่มจำนวนผู้ประกอบ
การที่หันมาเช่าใช้แทนมากกว่าการซื้อใช้
จึงทำให้ยอดการเติบโตของธุรกิจรถยนต์เช่ามีจำนวนมากขึ้นประมาณ 5-10%
สำหรับธุรกิจเช่ารถยนต์ในประเทศไทยมีมายาวนาน
หลายสิบปี มีผู้ประกอบการจำนวนหลายร้อยราย
และเกี่ยวข้องกับผู้ใช้บริการนับเป็นแสนๆราย
แต่ยังไม่มีกฎหมายโดยเฉพาะมากำกับดูแลให้ได้ระดับมาตราฐานสากลเท่าเทียมต่าง
ประเทศอาทิเช่นการประกันภัยชั้นหนึ่งกับรถยนต์เช่าทุกๆคัน
หรือการมีสัญญาเช่ากลางที่มีมาตรฐานและเป็นธรรมกับผู้บริโภค เป็นต้น
ดังนั้นทางสมาคมรถเช่าไทยจึงมีแนวความคิดในการยกร่างพ.ร.บ.สภาธุรกิจรถยนต์
เช่า
ซึ่งเป็นแนวความคิดว่าจะใช้ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการกำกับดูแล
ธุรกิจเช่ารถยนต์
ที่มา:hatyaiok.com
ติดต่อได้ที่ บมจ. กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ลีส
อีเมล์ carrent@krungthai.co.th
เว็บไซต์ : http://www.krungthai.co.th
โทรศัพท์ สาขาพระราม 3
022918888 ต่อ 130-133, สาขาอโศก 022460089
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น